เดอะคลาวน์
ประวัติฆาตกร เดอะคลาวน์
เคนเนท เชสเกิดเมื่อปี 1932 ด้วยการคลอดอย่างยากลำบาก ทำให้แม่ของเขาต้องเสียชีวิตลง เหตุการณ์นี้ผลักดันให้เกิดความร้าวฉาน ระหว่างเขากับพ่อที่ไม่เคยสนิทสนมด้วยเลย เมื่อเด็กชายเติบใหญ่ขึ้น ความขุ่นข้องใจกับการดื่มหนักของพ่อเขาก็ทวีขึ้นเช่นกัน เมื่อถึงเวลาที่เคนเนทเข้าโรงเรียน สองคนนี้ก็แทบจะแยกกันอยู่
เคนเนทไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยด้วยความสามารถทางกีฬาอันโดดเด่น เขาเติบโตมามีร่างสูงใหญ่ และแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเป็นเลิศทางกรีฑา แต่กลับบอกปัดการเชื้อเชิญให้เข้าร่วมทีมกีฬาไปเสียสิ้น
เคนเนทมักจะพบกับขนนกที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น เขาจึงเริ่มสะสมมันโดยเก็บไว้ในกล่องซิการ์ใต้เตียง เนื่องจากพ่อของเขา ถ้าไม่ทำงานก็จะสลบไสลไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เคนเนทจึงมีเวลาว่างอยู่เพียงลำพัง คอยนิ่งงันดูความเป็นระเบียบเรียบร้อยของส่วนแหลมบนขนนกนั้น พร้อมทั้งคอยสัมผัสความนุ่มของมันด้วยริมฝีปากเขาเอง เมื่อมองเหล่านกที่เข้ามายังจานอาหารในสวนของเขา
เคนเนทก็จินตนาการไปว่ามันจะนุ่มเพียงใดกัน จึงตัดสินใจที่จะจับนกมาสักตัว เขาเริ่มทำตัวสนิทสนมกับหมอฟันแถวบ้านซึ่งในไม่ช้าก็ได้ยาสลบมา เคนเนทใช้ยาสลบนี้ วางกับดักบนที่ใส่อาหาร ด้วยหวังว่ายาจะทำให้นกสลบไปนานพอที่เขาจะสัมผัสตัวมันได้
หลังจากผิดพลาดมาหลายครั้ง เขาก็จับนกโรบินมาได้ตัวหนึ่ง ในขณะที่นกนอนแผ่อยู่บนมือนั้น เคนเนท ก็เกิดความรู้สึกพลุ่งพล่านถึงชีวิตที่อยู่ในเงื้อมมือของตนขึ้นมาในทันทีทันใด ตอนแรกเขากะจะปล่อยนกไปเมื่อมันฟื้นจากยาสลบ แต่เมื่อดวงตาของนกส่องประกายกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งมันก็เริ่มดิ้น เคนเนทยังคงกำมือแน่น นิ้วมือของเขาค่อย ๆ โอบไปรอบคอของมันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แล้วยังคงบีบรัดอยู่เช่นนั้น จนกระทั่งขนตามอกของเจ้านกแน่นิ่งไป เขากำจัดซากทิ้งแล้วเก็บไว้แต่เพียงขนนก ซึ่งเป็นการเริ่มชุดสะสมใหม่ โดยโละขนนกอันอื่นทิ้งไปเนื่องจากเป็น ‘‘ของปลอม’’
เมื่อถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 เคนเนทก็ออกจากโรงเรียนแล้วเริ่มทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารใกล้บ้าน นอกจากนี้เขายังยกระดับไปยังเหยื่อที่ตัวใหญ่ขึ้น อย่างเช่นกระรอก และแร็คคูน และสุนัข ทำให้เชี่ยวชาญในการคำนวณขนาดยาสลบสำหรับสัตว์แต่ละตัว
ช่วงต้นปี 1954 เด็กหนุ่มคนหนึ่งหายสาปสูญไป จนทั้งเมืองต้องพลิกแผ่นดินค้นหา ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น ในขณะที่พ่อของเคนเนทกำลังทำงานอยู่ในชั้นใต้ถุนบ้าน ก็ได้พบกับกล่องซิการ์ เขาทุบแล้วเปิดมันออกมาพบกับความสยดสยอง ในนั้นมีทั้งขนนก อุ้งตีนสัตว์ รวมไปถึงนิ้วมือมนุษย์อีกด้วย
เมื่อเคนเนทกลับจากทำงาน แล้วเห็นพ่อของตนออกจากใต้ถุนบ้านมาพร้อมกับกล่องซิการ์ในมือ เขาก็รีบเผ่นแนบไปโดยไม่กลับบ้านอีกเลย
หลังจากใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เคนเนทก็ได้พบกับคณะละครสัตว์เร่ และด้วยพละกำลังอันน่าอัศจรรย์ เขาจึงได้รับว่าจ้างให้แสดงกายกรรมไต่เชือก แล้วเปลี่ยนชื่อของตนใหม่เป็น เจฟฟรีย์ ฮอว์ก
เมื่อต้องถูกห้อมล้อมอยู่ด้วยกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกันอย่างกะทันหันเช่นนี้ ‘‘เจฟฟรีย์’’ จึงจำต้องเรียนรู้วิธีการเข้าสังคม เขาส่วมใส่บุคคลิกใหม่ได้ราวกับชุดปลอมตัว จนเป็นที่รู้จักในเรื่องความน่ารักมีเสน่ห์ และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในไม่ช้าเขาจึงได้รับการต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวใหม่ในเวลาต่อมา
กาลเวลาผ่านไปนับทศวรรษที่ เจฟฟรีย์ต้องอาศัยอยู่กับขณะละครสัตว์ ออกเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยวิถีชีวิตที่ต้องเที่ยวตะลอนไปเรื่อย ๆ ซึ่งผลจากการกระทำต่าง ๆ ติดตามมาน้อยนัก จึงทำให้เขาติดนิสัยเสียมา ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเหล้าเมามาย กินอาหารขยะ เล่นยา เจฟฟรีย์ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสิ่งเหล่านี้อย่างไม่ลดละ
เมื่อผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง สิ่งอบายมุขเหล่านี้ก็ถึงคราวต้องหยุดลง แต่แล้วแรงขับอันเก่าแก่ของเขาพลันหวนกลับคืนมา และชีวิตที่ต้องเดินทางพเนจรเช่นนี้ก็กลายเป็นสิ่งช้วยปิดบังให้เขากลับมาดำเนินการสังหารต่ออีกครั้ง เจฟฟรีย์ขโมยเสื้อผ้า และเครื่องสำอางจากนักแสดง ปลอมตัวตามแฟชั่นที่ทำให้เขาเข้าใกล้เหยื่อ ก่อนที่จะวางยาสลบแล้วนำกลับมายังกองคาราวาน ที่ซึ่งเหยื่อจะลืมตาคืนสติมาพบว่าตนถูกมัดอยู่ และชีวิตของตนนั้นอยู่ในเงื้อมมือของเจฟฟรีย์ ในที่สุดเขาก็ได้เล่นสนุกเสียที ได้ทรมานทั้งร่างกาย และจิตใจของเหยื่อ เสียงกรีดร้องเหล่านี้คอยเติมเต็มเขาจนกว่าจะเงียบหายไปในยามค่ำคืน
เมื่อเรี่ยวแรงของเหยื่อทั้งหลายถึงคราวต่ำสุดแล้ว เจฟฟรีย์ก็จะค่อย ๆ ตรวจดูนิ้วมือของพวกเขาเพื่อหานิ้วที่งดงามที่สุด แล้วไล้เลียไปทั่วลิ้นเพื่อหานิ้วที่รสเลิศที่สุด เมื่อเจฟฟรีย์พบนิ้วที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ก็จะตัดมันออกมาเพิ่มไว้ในชุดสะสมของตนอย่างภาคภูมิใจ ส่วนร่างที่เหลือก็จะกำจัดทิ้งอย่างขยะไร้ค่า
ไม่ว่าชายหรือหญิง หนุ่มหรือแก่ เจฟฟรีย์ก็ไม่ใส่ใจ สิ่งสำคัญของชุดสะสมที่ดีอยู่ที่ความหลากหลาย และความทรงจำกับเรื่องราวที่สิ่งเหล่านี้ยังให้ระลึกถึง เขาถอดชุดแต่งกายน้อยลงไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้บุคคลิกของตนหลุดลอกออกไปพร้อมกัน แล้วโอบรับเอา เดอะคลาวน์อันเป็นตัวตนที่แท้จริงของตน เข้าครอบครองอย่างสมบูรณ์
เมื่อเวลาผ่านไป ตัวตลกก็เริ่มชะล่าใจ และเกิดสะเพร่า ทำให้มีเหยื่อรายหนึ่งหลุดรอดออกจากพันธนาการไปในขณะที่เขานอนเมามายอยู่ เธอหนีรอดไปได้พร้อมทั้งกรีดร้องขอความช้วยเหลือ ตัวตลกจึงตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าคณะละครสัตว์ทั้งหมด กำลังตรงดิ่งเข้ามาหาเขาอย่างน่าสะพรึง เขาจึงตวัดแส้ขึ้นควบม้า แล้วกองคาราวานก็จางหายไปยามค่ำคืน
นับแต่นั้นมาตัวตลกก็ร่อนเร่ไปตามชนบท กลายเป็นปรสิตที่พบได้ประจำตามงานเทศกาล หรือตามคณะละครสัตว์ แต่กลับเป็นผู้ที่ไม่ปรากฏบนใบประกาศการแสดงเลย เขาจะล่อลวงผู้ที่กล้าหาญ หรือโง่เขลาพอที่จะเข้ามาใกล้จนติดกับดัก แล้วเดินทางต่อไปก่อนที่ใครจะพบว่ามีคนหายสาบสูญ
ณ จุดใดจุดหนึ่งบริเวณข้างทาง ตัวตลกก็ได้ทิ้งถนนธรรมดา ๆ ของสหรัฐฯ ไว้เบื้องหลัง ก่อนจะออกเดินทางผ่านม่านหมอก แล้วเข้าสู่ดินแดนใหม่อันเป็นสถานที่ซึ่งดูชั่วคราว ไม่คงทนถาวร เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตที่เขาเลือกเดินมา และด้วยความรู้สึกสบายเหมือนบ้านเสียยิ่งกว่าที่เคยได้สัมผัสมาตลอดทั้งชีวิต ตัวตลกจึงเริ่มตั้งค่ายพัก แล้วรอคอยผู้มาเยือนรายแรกของตน
ฆาตกร เดอะคลาวน์
ชื่อ : เคนเนท เจฟฟรีย์ ‘‘ฮอร์ค’’ เชส
ฉายา : ‘‘The Ringmaster’’ / ‘‘The Medicine Man’’
เพศ : ชาย
สัญชาติ /เชื้อชาติ : อเมริกัน
เขตดินแดน : Father Campbell's Chapel
อาวุธ : Madame Butterfly
พลัง : ยาบำรุงส่งท้าย
ด้วยเวลานับแรมปีที่ทดลองกับยาสลบ และยาคลายกล้ามเนื้อ เดอะคลาวน์ก็ได้พัฒนาน้ำยา และสูตรอันทรงประสิทธิภาพขึ้นมาได้ โดยใช้ยาบำรุงส่งท้ายอันเป็นของโปรด ที่ได้ผลอย่างมากในการทำให้เหยื่อมากมายติดพิษแล้วจับตัวไป
・แตะหรือกดปุ่มพลังค้างไว้แล้วปล่อยเพื่อปาขวดยาบำรุงส่งท้าย เมื่อตกกระทบขวดก็จะแตกออกแล้วปล่อยควันแก๊สออกมา ทำให้ผู้รอดชีวิตภายในบริเวณการโจมตีติดพิษ
・ผู้รอดชีวิตที่ติดพิษจะมีการมองเห็นผิดปกติ ความเร็วการเคลื่อนที่ลดลง และไออย่างควบคุมไม่ได้อยู่เป็นเวลา 2 วินาที
กดปุ่มเปิดใช้งานความสามารถค้างไว้เพื่อเติมขวดยายาบำรุงส่งท้ายของคุณ
คุณลักษณะ
ความเร็ว : 4.6 m/s
รัศมีความหวาดกลัว : 32 m
ขนาด : สูง
ความยาก : ขั้นกลาง
ฆาตกรจอมวางแผน สามารถควบคุม และจับผู้รอดชีวิตใส่คอกได้ด้วยการขว้างขวดยาบำรุงส่งท้าย เพื่อสร้างควันแก๊สพิษอันกินพื้นที่กว้างเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ผู้รอดชีวิตที่ติดพิษจากแก๊ส จะเกิดการมองเห็น และมีความเร็วการเคลื่อนที่ ที่ผิดปกติ อีกทั้งยังเปิดเผยตำแหน่งของตนเมื่อไอเสียงดังอีกด้วย
เพิคประจำตัว
ฉงน โรคกลัวตัวตลก และเพลงกล่อมเด็ก จะเพิ่มความได้เปรียบในการกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และส่งผลเสียต่อการซ่อมแซม และความเร็วในการรักษาของผู้รอดชีวิต
◉ ตัวละครจาก DLC - Curtain Call Chapter
เพิคที่สอนได้
ฉงน (Bamboozle) PERK เดอะคลาวน์
คุณกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางได้รวดเร็วขึ้น 15% การกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางจะเรียกเอนทิตี้มาปิดกั้นจุดที่กระโดดนั้นเป็นเวลา 16 วินาที จุดกระโดดข้ามเกิดการปิดกั้นแบบนี้ได้ครั้งละ 1 จุดเท่านั้น มีเพียงผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่จะถูกปิดกั้นไม่ให้ใช้จุดกระโดดข้าม ไม่ส่งผลต่อแท่นไม้
[สามารถปลดล็อคได้ในผังเลือดของ เดอะคลาวน์ ตั้งแต่เลเวล 30+ หรือในอารามแห่งความลับ]
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โรคกลัวตัวตลก (Coulrophobia) PERK เดอะคลาวน์
แค่การปรากฎตัวของคุณ ก็ก่อความสยองขวัญได้แล้ว ผู้รอดชีวิตที่อยู่ภายในรัศมีความน่ากลัวของคุณ จะมีความคืบหน้าในการรักษาช้าลง 50%
[สามารถปลดล็อคได้ในผังเลือดของ เดอะคลาวน์ ตั้งแต่เลเวล 35+ หรือในอารามแห่งความลับ]
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพลงกล่อมเด็ก (Pop Goes the Weasel) PERK เดอะคลาวน์
พันธะอันแน่นแฟ้นกับเอนทิตี้ จะปลดล็อคความแข็งแกร่งอย่างมาก หลังจากจับผู้รอดชีวิตแขวนบนตะขอแล้ว เครื่องปั่นไฟถัดไปที่คุณทำลาย จะมีความคืบหน้าลดลงจากความคืบหน้ารวมทันที 25% การลดความคืบหน้าของเครื่องปั่นไฟปกติ จะเกิดขึ้นหลังจากเกิดความเสียหายแล้ว เพลงกล่อมเด็กจะทำงานอยู่เป็นเวลา 60 วินาที หลังจากที่ผู้รอดชีวิตถูกแขวนบนตะขอแล้ว
[สามารถปลดล็อคได้ในผังเลือดของ เดอะคลาวน์ ตั้งแต่เลเวล 40+ หรือในอารามแห่งความลับ]
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เครดิต
คำอธิบายเพิคภาษาไทยอิงจากในเกม
ภาพเพิคจาก https://deadbydaylight.gamepedia.com
เดอะคลาวน์
Reviewed by เกมเมอร์บ้าข้อมูล
on
15 มกราคม
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น